Nothing Ear (1) สวย เท่ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

บทความนี้ขอนำเสนอหูฟังไร้สาย Nothing ear (1) ที่สวย เท่ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ด้วยการออกแบบที่โปร่งใสมองเห็นความสวยงามของเทคโนโลยีภายใน ใส่สบาย เสียงดีและมีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนที่ดี ทั้งหมดที่กล่าวมานี้อยู่ราคาที่ไม่แพงเอื้อมถึงได้ สำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟัง น้ำหนักเบา เสียงดี มีระบบตัดเสียงรบกวน พลาดไม่ได้เลยครับ ส่วนสเปคจะเป็นยังไง มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นอะไรบ้าง เราไปชมกันเลยครับ…

“Nothing ear (1) ที่สวย เท่ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร”

ทำความรู้จักกับแบรนด์ Nothing
รายละเอียดสินค้า
ภาพรวม
คุณภาพเสียง
- คุณภาพเสียงไมโครโฟน
Nothing ear (1) ดีไหม ?

ทำความรู้จักกับแบรนด์ Nothing

ก่อนที่จะไปชมตัวสินค้าก็ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์ Nothing กันก่อนเพราะว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักเป็นแบรนด์น้องใหม่ โดย Nothing Technology Limited หรือ Nothing เป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถูกก่อตั้งโดย Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ OnePlus ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน และมีนักลงทุนในบริษัทได้แก่ ได้แก่ Tony Fadell ผู้ประดิษฐ์ iPod, Kevin Lin ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitch, Steve Huffman CEO ของ Reddit และ YouTuber Casey Neistat ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 โดยระดมทุนได้สูงถึง 7 ล้านดอลลาร์เพื่อเริ่มต้นกิจการ สินค้าที่มีชื่อเสียงของ Nothing ได้แก่ Phone (1) สมาร์ทโฟนที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัล TIME BEST INVENTIONS 2022 และ Ear (stick) หูฟังที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

รายละเอียดสินค้า

ข้อดี

มีโหมดตัดเสียงรบกวนให้เลือกหลายโหมด
เล่นอัตโนมัติ/หยุดชั่วคราว
IPX4
การชาร์จที่รวดเร็วและไร้สาย
เบาสบายเป็นพิเศษ

ข้อจำกัด

ไม่รองรับตัวแปลงสัญญาณ aptX/LDAC
การปรับแต่ง EQ ยังไม่หลากลาย
การตัดเสียงรบกวนยังไม่สนิทเมื่อเจอกับเสียงที่ดังมาก

ภาพรวม

สิ่งที่โดดเด่นและสังเกตุได้เป็นอันดับแรกก็คือการออกแบบที่โปร่งใส พลาสติกใสครอบคลุมทั้งเอียร์บัดและกล่องชาร์จเพื่อ “เปิดเผยความงามของเทคโนโลยี” ด้วยน้ำหนักเพียง 4.7 กรัมทำให้เวลาใส่เอียร์บัดแต่ละข้างเบาจนลืมไปเลยว่ากำลังสวมใส่อยู่ นอกจากนี้เอียร์บัดยังมีระดับการกันน้ำ IPX4 ทำให้สามารถใส่ออกกำลังกายได้ และมีแบตเตอรี่ยาวนานถึง 34 ชั่วโมง สามารถชาร์จแบบไร้สายได้

การใช้งาน

การจับคู่กับโทรศัพท์ Android ทำได้ง่ายเพียงแค่เปิดเคสใกล้กับอุปกรณ์แล้วกดจับคู่ ในทางกลับกันผู้ใช้ iPhone ต้องกดปุ่มจับคู่ค้างไว้ 2-3 วินาที จากนั้นเลือก Nothing Ear 1 ภายในการตั้งค่าบลูทูธ ระบบควบคุมแบบสัมผัสออนบอร์ดใช้เพื่อเล่น/หยุดชั่วคราว ข้ามไปยังเพลงถัดไป ปรับระดับเสียงและเปิดใช้โหมดตัดเสียงรบกวนหรือโหมด transparency เอียร์บัดยังมีคุณสมบัติการตรวจจับหูฟัง โดยจะเล่นเสียงอัตโนมัติเมื่อใส่เอียร์บัดและหยุดชั่วคราวเมื่อถอดออก

การเชื่อมต่อ

มีบลูทูธ 5.2 พร้อมรองรับตัวแปลงสัญญาณ (DAC) AAC, SBC และ AAC ให้การเล่นที่เสถียรและมีคุณภาพสูงบนอุปกรณ์ Apple แม้ว่าประสิทธิภาพบน Android จะไม่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหูโทรศัพท์ การขาดตัวแปลงสัญญาณบลูทูธคุณภาพสูงอย่างอย่าง aptX และ LDAC หมายความว่าผู้ใช้ Android บางรายอาจต้องใช้ SBC เพื่อคุณภาพเสียงที่สม่ำเสมอมากขึ้น

แบตเตอรี่

เอียร์บัดอยู่ได้นาน 4 ชั่วโมง 30 นาทีเมื่อเปิด ANC และ 6 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC จากการทดสอบ โดยเล่นอย่างต่อเนื่องที่ 75dB(SPL) และตั้งค่า ANC เป็นสูงสุด ด้วยกล่องชาร์จสามารถเล่นเพลงทั้งหมดได้นานถึง 34 ชั่วโมง ทั้งเคสและเอียร์บัดรองรับการชาร์จเร็ว: การชาร์จเอียร์บัด 10 นาทีทำให้เล่นได้นานถึง 60 นาที ขณะที่การชาร์จเคส 10 นาทีสามารถฟังได้นานถึง 8 ชั่วโมง และสามารถเสียบเข้ากับแผ่นรองชาร์จ Qi (ชาร์จแบบไร้สาย) ได้ด้วย

การตัดเสียงรบกวน

เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าทำว่าทำออกมาสมราคา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตัดเสียงรบกวนออกไปได้ 100% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอดีของจุกหูฟังที่ใส่ด้วยว่าแน่นพอดีหรือไม่ โดยรวมแล้วเมื่อเปิด ANC ก็รู้สึกถึงการตัดเสียงรบกวนได้อย่างชัดเจนและจะมีเสียงรบกวนหลุดเข้ามาบ้างเพียงเล็กน้อย มีไมโครโฟนแบบไฮบริดสามตัวในเอียร์บัดจะวัดเสียงระหว่างเอียร์บัดและช่องหูของคุณ รวมถึงเสียงรอบข้างที่อยู่นอกหู เสียงรอบข้างส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 100-1000Hz และหูฟังจะลดทอนความถี่เหล่านี้ลง 25-50% โดยตั้งค่า ANC เป็นสูงสุด

คุณภาพเสียงเสียง

เริ่มด้วยย่านเสียงที่หลายๆคนให้ความสนใจเป็นพิเศษคือย่านเสียงเบส หูฟังให้เสียงเบสอยู่พอประมาณและไม่บดบังย่านเสียงอื่นๆ เสียงร้องและกีตาร์มีเสียงดังฟังชัดแม้ในขณะที่กลองและเบสเล่นอยู่ด้วยพร้อมกัน ความถี่กลางตั้งแต่ 200-600Hz การขยายเสียงระดับกลางนี้ช่วยลดความแตกต่างของความดังระหว่างเสียงเบสและเสียงกลาง ทำให้สามารถได้ยินความถี่พื้นฐานของเสียงร้องได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้สามารถปรับ EQ เพื่อให้ได้เสียงในแบบที่เราชอบได้

ตุณภาพเสียงจากไมโครโฟน

มีไมโครโฟนความละเอียดสูง 3 ตัว ให้เสียงที่ดังและชัดเจน โดยรวมแล้วเสียงจากไมโครโฟนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

Nothing ear (1) ดีไหม ?

Nothing ear (1) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาเอียร์บัดไร้สายในราคาไม่แพง มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่สมบูรณ์แบบมากกว่าผู้ผลิตรายอื่นในราคาที่ใกล้เคียงกัน คุณภาพเสียงโดยรวมแล้วทำออกมาได้ดี มีระบบการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ มีความเบาและความพอดีที่สวมใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่อยู่ การกันน้ำ IPX4 การเล่นอัตโนมัติใส่หูฟัง/หยุดชั่วคราวเมื่อถอดหูฟัง และการชาร์จแบบไร้สาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เหมาะกับผู้ที่กำลังหาหูฟังที่มีความสวยงาม โดดเด่น มีเอกลักษณ์จากความโปร่งใส สวมใส่สบาย มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน พร้อมให้เสียงการโทรที่น่าพึ่งพอใจ หากกำลังมองหูฟังดีๆในราคาไม่แพงอยู่ Nothing ear (1) เป็นตัวที่ควรพิจารณครับ

คุ้มค่าที่จะซื้อไหม ?

เป็นหูฟังไม่แพง และมีคุณสมบัติที่เหนือชั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆในราคาใกล้เคียงกัน นอกจากมียังมีความสวยงาม และความโปร่งใสที่เป็นเอกลักษณ์

กับ Nothing Ear (stick) ต่างกันอย่างไร

Nothing Ear (stick) เป็นตัวเลือกที่มาราคาประหยัดกว่า แต่แลกมาด้วยการไม่มี ANC

กับ Apple AirPods Pro (รุ่นที่ 1) ต่างกันอย่างไร

Apple AirPods Pro (รุ่นที่ 1)เป็นทั้งเอียร์บัดไร้สายที่มีระบบตัดเสียงรบกวนเหมือนกัน AirPods Pro มีคุณสมบัติเช่น Spatial Audio และการจับคู่อัตโนมัติกับอุปกรณ์ iCloud

การแก้ปัญหาเบื้องต้น

การอัปเดตเฟิร์มแวร์ช่วยบรรเทาปัญหาส่วนใหญ่เหล่านี้ได้ ดังนั้นควรอัปเดตเป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุดหลังจากเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เป็นครั้งแรก (เริ่มใช้ครั้งแรก)

แชร์หน้านี้ :