เลือกอ่านตามหัวข้อ

• ลำโพงติดเพดาน (Ceiling Speaker) คืออะไร?
• คุ้มค่ากับการลงทุนไหม?
• 7 ข้อควรรู้ ก่อนเลือกซื้อลำโพงติดเพดาน
• แนะนำลำโพงติดเพดาน
• Tips Or Trick วิธีการเลือกใช้งานลำโพงติดเพดาน จาก TOA
  • วิธีการเลือกใช้งานลำโพงติดเพดาน ฉบับ TOA
  • ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อลำโพงติดเพดาน
  • เรื่องของการติดตั้งลำโพง
• สรุป

Ceiling Speakers คืออะไร?

Ceiling Speakers หรือลำโพงติดเพดาน คือ ลำโพงที่ออกแบบมาให้สำหรับการติดตั้งบนเพดาน เราสามารถได้ยินเสียงจากส่วนใดส่วนหนึ่งของห้อง ของอาคารได้ เพื่อให้เราได้ยินเสียงจากลำโพงได้ทั่วพื้น เราจึงต้องติดตั้งลำโพงติดเพดานในเกือบทุกห้อง ทุกระยะ เพื่อให้แต่ละพื้นที่มีการกระจายเสียงได้อย่างเพียงพอ

วัตถุประสงค์ของการใช้งานลำโพงติดเพดาน คือ ใช้เปิดเพลงประเภท Background Music ตามร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ห้างร้านต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับสถานที่ ดึงดูด และสร้างความผ่อนคล้ายให้แก่ลูกค้าของเราได้, ใช้เพื่อเป็นลำโพงประกาศเสียงตามสายในสถานที่ใหญ่ๆ กว้างๆ ได้

ยิ่งไปกว่านั้นลำโพงติดเพดานยังมีแบบรองรับกับระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ด้วย  ทำให้การดูหนัง ฟังเพลงของคุณมีชีวิตชีวาขึ้น สร้างเสียงรอบๆ จากมุมต่างๆ อุปกรณ์เสียงเหล่านี้ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตั้งไว้ในร้านค้า บริษัท หรือสถานที่ทำธุรกิจของคุณ ดังนั้นเรามาดูรายละเอียดเทคนิคเกี่ยวกับการเลือกลำโพงติดเพดานกันดีกว่า

คุ้มค่ากับการลงทุนไหม?

อาจจะเป็นข้อจำกัดของลำโพงติดเพดาน คือ การติดตั้งระบบเสียงที่มีราคาค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ทั้งสถานที่ หากต้องการได้ยินเสียงที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ ยิ่งมีห้องมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะต้องติดตั้งลำโพงจำนวนมากเท่านั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ เราจะต้องศึกษาเรื่องการวางระบบ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

อย่างไรก็แล้วแต่ เสียงเพลงจะช่วยสร้างบรรยากาศ สร้างสีสัน สร้างความดึงดูด ให้ความผ่อนคลายแก่ผู้ที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือแขกในร้านค้า ธุรกิจของเราได้ หากเราจะเปิดร้านค้า สร้างอาคาร ลำโพงติดเพดาน ถือว่าเป็นหนึ่งระบบเสียงที่เราไม่ควรมองข้าม

7 ข้อควรรู้ ก่อนเลือกซื้อลำโพงติดเพดาน

ในส่วนนี้ ก็จะเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เบื้องต้น เป็นข้อสำคัญในการเลือกดูลำโพงติดเพดาน จริงๆ ก็อาจจะคล้ายกับวิธีการเลือกดูลำโพงทั่วไป แต่อาจจะมีบางข้อที่เราต้องคำนึงถึงด้วย :

Frequency response

การตอบสนองความถี่ มีหน่วยเป็นเฮิรตซ์ (Hz) ซึ่งช่วงที่มนุษย์สามารถได้ยินได้อยู่ระหว่าง 20 – 20,000 Hz หากเราต้องการลำโพงที่ให้การตอบสนองเสียงที่ดี ให้เลือกลำโพงที่มีช่วงตอบสนองความถี่ที่สูงๆ ความถี่สูงที่มากขึ้น จะให้เสียงจะชัดเจน และมีความสมดุล

Power Handling

เมื่อเลือกซื้อลำโพงติดเพดาน ข้อสำคัญในการวางแผนเรื่องระบบเลย ก็คือ เรื่องของการใช้กำลังไฟของลำโพง จะช่วยให้คุณรู้ว่าเราต้องใช้แอมป์ขับเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะสม เช่น หากใช้เราใช้ลำโพงที่มีช่วง 20-100 วัตต์ก็จะต้องใช้แอมป์ 100 วัตต์ RMS

ความลึกในการติดตั้ง

ความลึกของการติดตั้งวัดเป็นหน่วยมิลลิเมตร เพดานสามารถรองรับขนาดของลำโพงได้กี่มิลลิเมตร? จะต้องคำนวณพื้นที่ให้พอดีกับเพดาน เพื่อจะได้สามารถติดตั้งบนเพดานได้อย่างเหมาะสม หากเรามีพื้นที่บนเพดานที่แคบ ก็ควรเลือกลำโพงขนาดเล็ก หรือลำโพงที่มีความลึกไม่มาก อย่างไรก็ตามพื้นที่ในการติดตั้ง ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานลำโพง

ขนาดของดอกลำโพง

เป็นส่วนที่ทำให้ลำโพงของเราเกิดเสียงออกมา ดอกลำโพงขนาดใหญ่จะให้เสียงที่สมดุลกว่า เมื่อเทียบกับลำโพงขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ลำโพงติดเพดานจะมีลำโพงเสียงกลาง-แหลม และลำโพงวูฟเฟอร์ มาในตัวเลย ช่วยเพิ่มการตอบสนองเสียงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ยิ่งชุดไดรฟ์เวอร์ที่มีขนาดใหญ่เสียงก็จะยิ่งดีขึ้น

ทนทานต่อฝุ่น และความชื้น

แน่นอนว่าลำโพงติดเพดานนั้น ต้องติดตั้งในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะในร่ม หรือกลางแจ้ง ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ร้อน หนาว ชื้น ต่างๆ ประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเลือกซื้อลำโพงติดเพดานที่สามารถทนทานน้ำ และฝุ่นได้ดี มิฉะนั้นหากเราเลือกใช้ลำโพงทั่วไป หลังจากนั้นสองสามเดือน เกิดปัญหาต่อระบบเสียงของเราตามมาอย่างแน่นอน

ค่า Sensitivity

ความไวของลำโพงวัดเป็นหน่วยเดซิเบล เป็นค่าที่บอกว่าลำโพงตัวนั้นให้ความดังได้กี่เดซิเบล ขอแนะนำให้ซื้อลำโพงที่มีความไวสูง เพราะจะไม่ทำให้แอมป์ทำงานหนักจนเกินไป โดยทั่วไปลำโพงติดเพดานที่ดีควรมีระดับความไวมากกว่า 3dB

คุณภาพของเสียง

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ควรทดลองฟังเสียง พิจารณาคุณภาพของเสียงด้วย เหตุผลหลักในการซื้อลำโพง คือ เพื่อให้ได้ระบบเสียงที่ดีในสถานที่ใช้งานต่างๆ ของเรา ดังนั้นควรลองฟังเสียงให้แน่ใจว่าลำโพงมีคุณภาพเสียงที่ตรงตามความต้องการของเรา สอดคล้องกับสถานที่ของเราด้วย

แนะนำลำโพงติดเพดาน

BOSE DesignMax DM6C

ลำโพงติดเพดานรุ่นนี้เป็นไดรเวอร์แบบสองทาง แบบโคแอกเซียล ขนาด 125 วัตต์ ให้เสียงต่ำ และเสียงสูงที่ชัดเจน เหมาะสำหรับการใช้งานเปิดเพลงประเภท Background Music ในสถานที่ต่างๆ เช่น หอศิลป์, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ศูนย์การประชุม, บาร์, และอื่นๆ ภายในประกอบไปด้วยดอกลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้ว และทวีตเตอร์โคแอกเซียล ขนาด 1.25 นิ้ว ที่ติดตั้งภายในระบบ Dispersion Alignment ช่วงความถี่ 59 Hz – 20 kHz ไม่ต้องกังวลเรื่องติดตั้ง เพราะติดตั้งง่ายด้วยแขนยึด QuickHold ที่มีความแข็งแรงทนทานของ BOSE โดยเฉพาะ

JBL Control 67 P/T

ประกอบด้วยตัวกล่องหุ้มลำโพงขนาดใหญ่ ดอกลำโพงขนาด 6.5” กำลังขับสูง 300 วัตต์ เพื่อขยายประสิทธิภาพเสียง ให้ความเที่ยงตรงสูงด้วย RBI Radiation Boundary Integrator™ เทคโนโลยีเฉพาะของ JBL ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ให้เสียงที่ดังครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง ทำให้ใช้งานลำโพงติดเพดานจำนวนน้อยลง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการใช้งานลำโพงติดเพดานแบบแขวน สถานที่ที่เป็นเพดานแบบเปลือย สวยงามไปอีกแบบ

EV EVID-PC6.2

เป็นลำโพงติดเพดานแบบ 2 ทาง ขนาด 6.5 นิ้ว คอมเพรสชั่นไดรเวอร์ประสิทธิภาพสูงจาก EV การกระจายเสียงแบบกว้างพิเศษ ครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง ดอกลำโพงวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงต่ำได้อย่างน่าทึ่ง การออกแบบที่ทันสมัยที่สุด พร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่า การเดินสายไฟที่ง่าย และนวัตกรรมใหม่ของ EV ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งได้เร็วขึ้นในช่องเพดาน และรูปแบบอาคารที่หลากหลาย ตัวเลือกใหม่ระดับไฮเอนด์ เหมาะสำหรับสถานที่ที่หลากหลาย ที่ต้องการการกระจายเสียงจากลำโพงคุณภาพระดับพรีเมียม

KLIPSCH PRO-180RPC

บางท่านอาจจะสงสัยว่าลำโพงติดเพดานนั้น ส่วนใหญ่แล้วใช้ในห้างร้าน เปิดเพลง Background Music อย่างเดียวเลยหรือไม่? ตอบได้เลยว่าไม่ครับ ลำโพงติดเพดานยังมีแบบที่ใช้ในระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ด้วย เพื่อให้ได้เสียงรอบทิศทาง สมจริงขึ้นไปอีก KLIPSCH PRO-180RPC เป็นลำโพงติดเพดานขนาด 8 นิ้ว มีลำโพงเสียงสูง 1 นิ้ว อยู่ในตำแหน่งของดอกลำโพงวูฟเฟอร์ วัสดุต่างๆ สเปคต่างๆ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน ในห้องดูหนังของคุณโดยเฉพาะ

Tips Or Trick วิธีการเลือกใช้งานลำโพงติดเพดาน จาก TOA

วิธีการเลือกใช้งานลำโพงติดเพดาน ฉบับ TOA

เป็นวิธีการเลือกใช้งานลำโพงติดเพดานเบื้องต้น เพื่อให้ทุกท่านได้เลือกใช้งานกันได้แบบง่ายๆ ใช้งานในภายในอาคาร บริเวณทางเดิน บริเวณห้องน้ำ หรือพื้นที่แบบไหน? ที่จะเหมาะใช้งานของเรา กับลำโพงติดเพดานคุณภาพแบรนด์ TOA ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับแต่ละประเภทของลำโพงติดเพดานกันแบบคร่าวๆ ก่อนดีกว่า หลักๆ มีอยู่ 2 แบบ คือ

• แบบ Full Range เป็นลำโพงที่ตอบสนองครอบคลุมทุกย่านความถี่เสียง สูง, กลาง, และต่ำ ในดอกลำโพงใบเดียว เช่น TOA รุ่น PC-1860, PC-2360, PC-2852, F-1522 SC เป็นต้น
• แบบ 2-Way หรือลำโพงแบบ 2 ทาง เป็นลำโพงที่แยกการตอบสนองความถี่ในแต่ละช่วง จะมี Tweeter (ย่านเสียงสูง) และ Woofer (ย่านกลาง-ต่ำ) ในลำโพง 1 ใบ เช่น TOA รุ่น F-2352SC, F-2352C, F-2852C เป็นต้น

ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อลำโพงติดเพดาน

แน่นอนลำโพงแต่ละแบบอาจรองรับกับงานที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่สอดคล้องกับการใช้งานของเราเป็นหลัก หากวัตถุประสงค์ของเราเน้นในการใช้งานแบบต่างๆ เช่น

• เน้นในเรื่องของการประกาศเสียงอย่างเดียว ต้องการคุณภาพของเสียง เน้นใช้ในงานประกาศ ต้องการการสื่อสารที่ชัดเจน สามารถเลือกใช้ลำโพงติดเพดาน แบบ Full Range ได้เลย
• เน้นในเรื่องของการประกาศเสียง และการใช้งานเปิด Background Music ต้องการคุณภาพของเสียงมากขึ้นไปอีก ก็ควรที่จะมองหาลำโพงรุ่นที่สูงขึ้นมา เป็นแบบ Full Range Double-Cone ก็ได้ครับ
• เน้นการใช้งานทั้ง 2 อย่าง อยากได้คุณภาพเสียงดีที่สุด! ควรเลือกลำโพงแบบ 2-Way ไปเลย ตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุดเช่นกัน

เรื่องของการติดตั้งลำโพง

ในส่วนของการติดตั้งลำโพง เพื่อให้การเลือกใช้งานลำโพงได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสถานที่ใช้งาน คงเกิดคำถามเหล่านี้ “ควรติดตั้งที่ระยะความสูงเท่าไหร่?” “ระยะห่างลำโพงแต่ละตัวควรติดห่างกันกี่เมตรดี?” TOA มีคำตอบมาฝาก ไขข้อสงสัยกัน! เพราะลำโพงในแต่ละรุ่นอาจมีการคำนวณที่แตกต่างกัน เช่น

• ความสูงขึ้นอยู่กับขนาดของลำโพง ลำโพงขนาด 6 นิ้ว กำลังขับ 6 วัตต์ โดยพื้นฐานแล้ว ควรติดตั้งที่ความสูงไม่เกิน 4 เมตร หากสูงกว่านั้น หรือเป็นพื้นที่เปิด แบบกึ่ง Outdoor ก็ควรจะเลือกเป็นลำโพงขนาด 8 นิ้ว กำลังขับสูงขึ้น เช่น 15 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งจะสามารถให้เสียงที่ครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
• ระยะห่างสัมพันธ์กับความสูง ระยะห่างของลำโพงแต่ละตัว ควรห่างกันอย่างน้อย 6-8 เมตร ขึ้นอยู่กับระยะความสูงที่ติดตั้งอีก เนื่องจากความสูงมีผลกับมุมกระจายเสียงของลำโพง หากเป็นลำโพงแบบ 2-Way เราจะยึดที่ขนาดหน้าตะแกรงของลำโพงเป็นหลัก แม้ว่าลำโพงแต่ละตัวมีกำลังขับไม่เท่ากันก็ตาม เช่น ลำโพงขนาดตะแกรง 6 นิ้ว กำลังขับ 30 วัตต์ เราก็จะติดที่ความสูงไม่เกิน 4 เมตร ระยะห่างต่อตัว 6-8 เมตร เช่นเดียวลำโพงขนาด 6 นิ้ว กำลังขับ 6 วัตต์ ส่วนพื้นที่ที่สูงเกิน 4 เมตร ก็ควรเลือกลำโพงที่มีขนาดตะแกรง 8 นิ้ว กำลังขับสูงหน่อย เช่น กำลังขับ 60 วัตต์ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อคุณภาพของเสียงให้ตอบโจทย์กับการใช้งานในสถานที่ของเรา

สรุป

การเลือกซื้อลำโพงติดเพดานให้เหมาะสมกับสถานที่ใช้งาน ก็ต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายปัจจัย หวังว่าคู่มือเล็กๆ น้อยๆ นี้ จะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจ และเลือกซื้อลำโพงติดเพดานได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากขึ้น อย่าลืมเพลิดเพลินกับระบบเสียงในห้อง ในอาคารของคุณ สร้างบรรยากาศให้กับสถานที่ของคุณ

ชมสินค้าได้ที่นี่