Estimated reading time: 12 นาที
YouTube Music ผู้เล่นใหม่ (หน้าเก่า) ที่กระโดดเข้ามาแข่งขันในตลาด “แอพฟังเพลง” 1 ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วภายในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พร้อมอาวุธหนักเต็มกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น คลังเพลง มิวสิควิดีโอ เพลย์ลิสต์ และข้อมูลผู้ใช้งานจาก Google ซึ่งเป็นจุดแข็งที่น่าจะทำให้วงการแอพฟังเพลงสั่นสะท้านได้ไม่น้อย และน่าจะทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ได้รับผลดีจากการแข่งขันอย่างเข้มข้นของผู้ให้บริการ แอพสตรีมเพลง หรือแอพฟังเพลง
ในบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ แอพฟังเพลง YouTube Music กันอย่างละเอียด แอพฟังเพลงที่มีคุณสมบัติเพียงพอ และพร้อมที่จะชนกับแอพฟังเพลงเจ้าตลาดอย่าง Spotify และ Apple Music โดยที่ไม่ได้ดูเป็นรองเลยแม้แต่น้อย พร้อมพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักข้อดี จุดเด่น และข้อจำกัดในการใช้งานกันชัดๆ แบบไม่มีกั๊ก แนะนำการใช้งานอย่างละเอียดทั้งแบบฟรี และแบบ Premium พร้อมเปรียบเทียบระหว่าง YouTube Music vs Spotify ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้จักกับ YouTube Music มากขึ้น และตอบคำถามยอดฮิตที่ว่า “YouTube Music ดีไหม?” เกริ่นนำกันมาซะยาว (ฮ่าๆ) ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมกันเลยครับ ~
สารบัญ
- ทำความรู้จักกับ YouTube และ YouTube Music
- YouTube Music ดีไหม?
- คลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด
- ระบบแนะนำเพลงสุดอัจฉริยะ
- มีเพลงให้ฟัง มีมิวสิควิดีโอให้ดู
- การออกแบบ UI ที่ใช้งานง่าย
- ส่งตรงเพลย์ลิสต์และมิกซ์ที่มีสไตล์การฟังตรงกับคุณ
- โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ และฟังแบบปิดจอ
- รองรับการใช้งานบนทุกแพลตฟอร์ม PC, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
- ซื้อ YouTube Premium ได้ YouTube Music Premium เป็นของแถม
- Youtube Music ฟรี vs. YouTube Music Premium
- วิธีดาวน์โหลด YouTube Music และราคา
- YouTube Music vs Spotify แอพฟังเพลงไหนดีกว่า?
- สรุป
- ถาม/ตอบ
ทำความรู้จักกับ YouTube และ YouTube Music
ก่อนที่จะพาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกเกี่ยวกับ 1 ใน แอพฟังเพลงที่ดีที่สุด อย่าง YouTube Music ผมขออนุญาติเกริ่นนำเกี่ยวกับ YouTube อีกสักหน่อย เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้รู้จักเกี่ยวกับ “แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับรับชมวิดีโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้” ก่อนสักเล็กน้อย ~
![YouTube คืออะไร?](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234913/What-Is-YouTube.webp)
YouTube คืออะไร?
YouTube คือ แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับแชร์ และรับชมวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก ซึ่งอนุญาติให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถที่จะอัปโหลดวิดีโอ แชร์ และรับชมวิดีโอของผู้อื่นได้ เปิดให้บริการครั้งแรกตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2005(นับมาถึงปัจจุบันก็มีอายุได้ 18 ปี) ก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ PayPal เพียง 3 คน เป็น แพลตฟอร์มที่เข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมในการรับชมสื่อบันเทิง ของโลกนี้ไปโดยสิ้นเชิง
ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นวงกว้างด้วย คอนเทนต์ และเนื้อหาที่หลากหลายครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น เพลง, มิวสิควิดีโอ, การศึกษา, Vlogs, สื่อบันเทิง, ข่าว และอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน โดยที่ในปัจจุบัน YouTube เป็น 1 ในแพลตฟอร์มที่อยู่ในการบริหารของ Google Company จากการตัดสินใจอันเฉียบขาด เข้ามาเทคโอเวอร์ YouTube หลังจากที่เปิดให้บริการได้เพียง 1 ปี ด้วยมูลค่าราวๆ 1,650 ล้านเหรียญ!
![YouTube Music คืออะไร?](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234914/What-Is-YouTube-Music.webp)
YouTube Music คืออะไร?
YouTube Music (ยู-ทูป-มิว-สิค หรือ yt music) คือแอพพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง ที่แยกออกมาจาก YouTube เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2558(นับถึงปัจจุบันก็มีอายุได้เกือบ 8 ขวบ) เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการ “ฟังเพลงโดยเฉพาะ” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การฟังเพลงของคุณ สะดวก มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การฟังเพลงของผู้คนในยุคปัจจุบันมากที่สุด มีการใช้คลังเพลงร่วมกับ คลังวิดีโอของ YouTube จึงทำให้มี Music Library ขนาดใหญ่ เทียบเท่า หรืออาจจะมากกว่าแอพฟังเพลงเจ้าดังอย่าง Spotify พร้อมระบบแนะนำเพลงด้วยประวัติการใช้งาน และข้อมูลจาก YouTube และ Google
![](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18235404/YTM.png)
ทำไมต้องแยกเป็น YouTube Music
อย่างที่ผมได้เกริ่นนำไปว่า YouTube Music เป็น ผู้เล่นใหม่หน้าเก่า เหตุผลมันก็มาจากการที่แต่เดิม YouTube ก็เป็นผู้ให้บริการด้านวิดีโอที่เป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกอยู่แล้ว ซึ่งในวิดีโอเหล่านั้น ส่วนนึงก็จะเป็นเพลง มิวสิควิดีโอ และบันทึกการแสดงสด จึงมีผู้ใช้งานไม่น้อยที่เลือกฟังเพลงผ่าน YouTube เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่ทาง YouTube เลือกที่จะกระโดดลงมาแข่งขันในตลาดนี้ จึงต้องบอกว่าเป็นยักษ์หลับที่พึ่งตื่นรู้ว่าต้องเข้ามาสู่ตลาด “แอพฟังเพลง” เพราะเขามีต้นทุน เป็นคลังวิดีโอขนาดใหญ่ ที่ส่วนประกอบหนึ่งของวิดีโอก็คือเพลงที่เราฟังๆ กันอยู่ในชีวิตประจำวันนั่นแหละ
การที่ทาง YouTube ตัดสินใจเข้าสู่ตลาด แอพฟังเพลง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สาเหตุนึงอาจจะเป็นกระแส และแนวโน้มการฟังเพลงของผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่หันมาฟังเพลงผ่านบริการ สตรีมมิ่งเพลง ซึ่งทำให้ยอดผู้ชมของเพลงบน YouTube นั้น ตกลง บวกกับการที่ YouTube น่าจะมองถึงศักยภาพของสรรพยากรที่ตนมี ทั้งเพลง มิวสิควิดีโอ และบันทึกการแสดงสด ว่ามันน่าจะเพียงพอต่อการแข่งขันกับแอพฟังเพลงเจ้าอื่นได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ทาง YouTube ยังมีกลยุทธ์เด็ดที่เป็นเหมือนไม้ตาย สำหรับดึงผู้ใช้งานให้เข้ามาใช้งาน YouTube Music โดยผมจะขอเก็บไปเล่าในข้อดีของ YouTube Music หรือหากเพื่อนๆ อยากจะข้ามไปอ่านเลยสามารถ คลิกที่นี่
![8 เหตุผลทำไมคุณถึงต้องใช้ YOUTUBE MUSIC](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234922/8-Reason-Why-You-Must-Use-Youtube-Music-3.webp)
YouTube Music ดีไหม?
YouTube Music ดียังไง? วางตัวเป็นแพลตฟอร์ม หรือแอพฟังเพลงที่จะนำทางผู้ที่หลงใหลในเสียงเพลง ไปสู่โลกของเสียงดนตรี โดยนำเสนอฟีเจอร์การใช้งานเด่นๆ ที่มีในแอพฟังเพลงเจ้าอื่นๆ แต่มาในรูปแบบที่ เรียบง่ายกว่า พร้อมทั้งยังเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ ที่จะช่วยให้การท่องไปในโลกของเสียงเพลง สนุกและสะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยที่ผมได้ทำการลิสต์ข้อดี จุดเด่น และฟีเจอร์ในการใช้งานต่างๆ เพื่อที่จะตอบคำถามยอดฮิต “YouTube Music ดีไหม?” แอพฟังเพลงที่จะช่วยให้คุณฟังเพลงได้สนุก และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย ออกมาเป็น 8 เหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องใช้ YouTube Music เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจ และใช้งานแอพฟังเพลงนี้ได้คุ้มค่าที่สุดดังนี้ครับ
![คลังเพลง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234918/Largest-Thai-Music-Library.webp)
1. คลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด | Music Library
YouTube Music มีคลังเพลงที่ครอบคลุมทุกแนวเพลง มีหมดตั้งแต่วงอินดี้ ยันวงดังระดับตำนาน โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนไทย เพราะ YouTube Music คือ แอพฟังเพลงที่มีเพลงไทยให้เราฟังมากที่สุด คุณคงเคยพบปัญหา “อยู่ๆ ก็นึกอยากฟังเพลงเพลงนึง แต่กลับหาเพลงที่อยากฟังจากแอพฟังเพลงอื่นๆ แล้วหาเพลงเหล่านั้นไม่เจอ” ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นที่ YouTube Music
นอกจากคลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุดแล้ว YouTube Music ยังมีเพลงให้เราได้ฟังหลากหลายแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็น ฮิปฮอป, ป็อบ, ร็อค, เพื่อชีวิต ไปจนถึงเพลงลูกทุ่ง และอีกจุดที่ส่วนตัวผมชื่นชอบเป็นพิเศษ คือบันทึกการแสดงสด ซึ่งไม่สามารถหาฟังได้จากแอพฟังเพลงแอพอื่น!
![ระบบแนะนำเพลง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234921/Algorithm-Recommend-Music.webp)
2. ระบบแนะนำเพลงสุดอัจฉริยะ | Music Recommendations
ระบบแนะนำเพลงที่คุณอาจชอบสำหรับคุณโดยเฉพาะ โดยใช้อัลกอริทึ่มสุดอัจฉริยะ ซึ่งเป็น 1 ในฟีเจอร์เด่นของ YouTube Music ที่จะช่วยแนะนำเพลงที่คุณอาจจะเคยหรือไม่เคยฟัง จากการวิเคราะห์ และเก็บข้อมูลการฟังเพลงของคุณ, การเลือกวงดนตรีที่คุณชอบ หรือแม้แต่การกดข้ามเพลง ระบบแนะนำเพลงนี้จะประมวลผล และแนะนำเพลงตาม แนวเพลง หรือสไตล์ในการฟัง ที่คุณชื่นชอบแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณท่องไปในโลกของดนตรีได้สนุกกว่าที่เคย
ระบบแนะนำเพลงที่คล้ายกับระบบแนะนำเพลงของ Spotify ซึ่งผมได้มีโอกาสใช้ Spotify แล้วเปลี่ยนมาใช้ YouTube Music ส่วนตัวมองว่าระบบแนะนำเพลงของ Spotify ดูจะแนะนำเพลงได้ฉลาดกว่า แต่ก็ต้องบอกว่า ทาง YouTube Music พึ่งเริ่มนำระบบนี้มาใช้ ในอนาคตน่าจะถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีกว่านี้แน่นอนครับ
![YouTube Music มี MV ให้ดู](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234917/Music-and-MV.webp)
3. มีเพลงให้ฟัง มีมิวสิควิดีโอให้ดู | Music Videos & Live Performances
จุดแข็งอีกจุดที่ทำให้ YouTube Music โดดเด่น และแตกต่าง จากแอพฟังเพลงทุกแอพในตลาด คือ ไม่ใช่แค่ฟังเพลงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมี “มิวสิควิดีโอ (Music Videos) ให้ดู” โดยที่คุณสามารถเลือกที่จะฟังเพียงอย่างเดียว หรือรับชมมิวสิควิดีโอไปด้วยก็ได้ เพิ่มทางเลือกในการใช้งานให้กับผู้ใช้ ได้เลือกใช้งานตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีบันทึกการแสดงสด (Live Performances) ของวงดนตรี หรือศิลปินให้รับชม และฟัง
ซึ่งเป็น 1 ในเหตุผลที่ทำให้ ”ผมเลือกใช้ YouTube Music”
![UI ที่ใช้งานง่าย](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234915/UI-Design-User-Friendly.webp)
4. การออกแบบ UI ที่ใช้งานง่าย | User-Friendly Interface
UI หรือ User Interface ของแอพที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ เพื่อออกแบบหน้าตาแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานได้ง่ายสุดๆ หรือในทางเทคนิคเขาจะเรียกกันว่า User-Friendly ซึ่งเป็นการออกแบบหน้าตา และจัดวางองค์ประกอบของแอพ เพื่อให้ ผู้ใช้งานทุกเพศ ทุกวัย สามารถใช้งานแอพได้อย่างสะดวก และลื่นไหล ตัวแอพจะมีแท็บเพื่อนำทางคุณเพียง 3 แท็บ คือ หน้าแรก สำรวจ และคลังเพลง เพื่อความง่ายในการใช้งาน เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้มากที่สุด
![YouTube Music เพลย์ลิสต์และมิกซ์](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234916/Recommended-Mix-And-Playlist.webp)
5. ส่งตรงเพลย์ลิสต์และมิกซ์ที่มีสไตล์การฟังตรงกับคุณ | Smart Playlists & Mixes
YouTube Music จะศึกษาพฤติกรรมในการฟัง และนิสัยในการฟังเพลงของคุณมาวิเคราะห์ ประมวลผล และจัดเป็นเซ็ต เพลย์ลิสต์เพื่อคุณโดยเฉพาะ เช่น เพลย์ลิสต์ “มิกซ์ของคุณ” ที่จะเป็นการรวมเอาเพลงที่คุณกดถูกใจ เข้ากับเพลงที่มีแนวดนตรี หรือทำนองคล้ายคลึงกัน เพื่อแนะนำเพลงที่คุณอาจจะชอบ ซึ่งจัดขึ้นมาโดย YouTube Music เพื่อคุณโดยเฉพาะ! นอกจากนี้ยังมีเพลย์ลิสต์ที่จัดมาให้คุณตามอารมณ์ มิกซ์ตามแนวดนตรี และเพย์ลิสต์ของผู้อื่นที่ฟังเพลงคล้ายๆ กับเรา
ช่วยให้คุณได้พบกับบทเพลงใหม่ๆ ที่คุณอาจจะชื่นชอบ
![YouTube Music โหลดเพลง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234919/Download-Music.webp)
6. โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ และฟังแบบปิดจอ | Offline Playbacks & Background Listening
คุณสามารถที่จะดาวน์โหลดเพลง อัลบั้ม หรือเพย์ลิสต์เอาไว้ฟังแบบออฟไลน์ (Offline Playbacks) เพื่อให้คุณเก็บไว้ฟังสำหรับสถานการณ์ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยที่คุณสามารถที่จะดาวน์โหลดเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ กี่เพลงก็ได้ ตราบเท่าที่หน่วยความจำของคุณไม่เต็ม
นอกจากนี้หากคุณเป็นสมาชิก YouTube Music Premium จะทำให้คุณสามารถฟังเพลงขณะปิดจอ หรือเล่นเพลงบนพื้นหลัง (Background Listenning) ขณะกำลังเล่นแอพอื่นได้
เป็นจุดที่ค่อนข้างน่าเสียดายที่การจะฟังเพลงด้วย YouTube Music ปิดจอ จำเป็นที่จะต้องสมัคร Premium เพื่อที่จะใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้ เพราะแอพสตรีมเพลงเจ้าดังอย่าง Spotify สามารถที่จะเล่นเพลงแบบปิดจอได้แม้คุณจะเป็นผู้ใชงานฟรี!
![YouTube Music PC](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234918/Multi-Platform.webp)
7. รองรับการใช้งานบนทุกแพลตฟอร์ม PC, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต | Cross Platform
YouTube Music รองรับการใช้งานบนทุกแพลตฟอร์ม(Cross Platform) ไม่ว่าจะเป็น PC ผ่านเว็บเบราเซอร์หรือดาวน์โหลด และติดตั้งบน PC แบบ Desktop App, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ช่วยให้คุณสามารถที่จะ เข้าถึงคลังเพลง และเพลย์ลิสต์ของคุณได้จากทุกที่ ผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้ เพียงแค่ล็อกอินบัญชีของคุณบนอุปกรณ์เหล่านั้น เพิ่มความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นในการใช้งาน
คลิกเพื่อดู วิธีดาวน์โหลด และติดตั้ง YouTube Music PC และโทรศัพท์ Android และ iOS
![YouTube Premium](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234850/YouTube-Premium-With-Music.webp)
8. ซื้อ YouTube Premium ได้ YouTube Music Premium เป็นของแถม | Integration with YouTube Premium
นี่คือกลยุทธ์เด็ด หรือต้องบอกว่าเป็น “ท่าไม้ตาย” ที่น่าจะเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ และจุดสำคัญที่สุดที่ทำให้ฐานผู้ใช้งาน YouTube Music ค่อยๆ เพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว และน่าจะแย่งผู้ใช้งานจากแอพฟังเพลงอื่นๆ มาได้ไม่ยาก ด้วยความที่ YouTube คือแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์อันดับ 1 ของโลก ที่มี ผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 2 พันล้านคน หรือคิดเป็นเปอเซ็นต์ คือ มากกว่า 25% ของประชากรโลก!
การที่นำบริการอย่าง YouTube Music มาผูกเข้ากับ YouTube Premium ต้องบอกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดอย่างมาก เพียงแค่คุณสมัคร YouTube Premium คุณก็จะได้แอพสำหรับฟังเพลงอย่าง YouTube Music แถมฟรีๆ ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ ซึ่งผมเองก็เป็น 1 ในเหยื่อของกลยุทธ์นี้ด้วยเช่นกัน(ฮ่าๆ) ถึงแม้โดยส่วนตัวจะชื่นชอบการฟังเพลงบน Spotify มากแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนแพ็คเกจ ซื้อ 1 ได้ 2 จาก YouTube มันก็ดู คุ้มค่ามากกว่า จริงๆ
Youtube Music ฟรี vs. YouTube Music Premium
![YOUTUBE MUSIC ฟรี vs YOUTUBE MUSIC PREMIUM](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234910/YouTube-Music-Premium-Compare.webp)
YouTube Music เป็น 1 ในแอพฟังเพลงยอดนิยมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดดเด่นด้วย คลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด ระบบแนะนำเพลงสุดอัจฉริยะ และการผูกการใช้งาน YouTube Music เข้ากับ YouTube Premium ซึ่งช่วยเพิ่มจุดแข็ง ความน่าใช้ และความคุ้มค่าให้กับแอพเป็นอย่างมาก
ในหัวข้อนี้ผมจะแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแบบฟรี และแบบ Premium เพื่อที่จะเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังคิดที่จะสมัคร YouTube Music Premium โดยผมจะเปรียบเทียบการใช้งานแบบฟรี และการใช้งานแบบ Premium ให้เห็นกันแบบชัดๆ ว่าแบบไหนที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด พร้อมวิธีการดาวน์โหลด และวิธีการติดตั้งอย่างละเอียด
![](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234850/YTM-FREE.webp)
YouTube Music ฟรี
YouTube Music ฟรี คือยูทูปมิวสิค แอพสำหรับฟังเพลงเวอร์ชั่นที่มีโฆษณาคั่น เป็นแอพสำหรับฟังเพลงแบบไม่เสียค่าบริการ คุณสามารถเข้าถึงคลังเพลงทั้งหมดของ ยูทูป แต่เวลาฟังไปสัก 2-3 เพลงจะมีโฆษณา(Ads) คอยขึ้นมารบกวนการฟังเพลงของคุณอยู่ตลอด ฟีเจอร์การใช้งานบางอย่างจะถูกล็อคไว้สำหรับบัญชีแบบ Premium เช่น การฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณา, การฟังเพลงแบบล็อคจอ เป็นต้น
อีก 1 อย่างที่โดนล็อคไว้ และน่าจะทำให้คอเพลงหลายๆ ท่านขัดใจ คือ คุณภาพความละเอียดของไฟล์เพลง ระดับมาตรฐาน(Standard) หรือ 128 kbps นั่นเองครับ(หากเป็นพรีเมี่ยมจะได้ความละเอียดที่ 256 kbps)
จุดเด่น
- มีโฆษณาคั่น : ฟังเพลงฟรีไม่เสียค่าบริการคุณสามารถที่จะเข้าถึงเพลงทุกเพลงบน YouTube แต่ จะมีโฆษณาขึ้นมาขัดจังหวะการฟังเพลงของคุณ
- ไม่สามารถที่จะใช้งานแบบปิดจอได้ : YouTube Music แบบฟรี จะไม่สามารถ ที่จะใช้งานแบบปิดจอ หรือเปิดเพลงฟังขณะใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นไปพร้อมกันได้
- ไม่สามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้ : คุณไม่สามารถที่จะใช้งานฟีเจอร์ การดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ ได้
- Standard Audio Quality : คุณภาพไฟล์เพลงที่คุณสามารถฟังได้จาก YouTube Music ฟรี จะเป็นคุณภาพไฟล์เพลงแบบมาตรฐาน ไม่ใช่ไฟล์เพลงคุณภาพสูง
![](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234849/YTM-Premium.webp)
YouTube Music Premium
จุดเด่น
- ไม่มีโฆษณาคั่น : เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจสมัคร YouTube Music Premium เนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่ชอบที่จะต้องมาคอยนั่งฟังโฆษณา การที่เราฟังเพลงแล้วมีโฆษณาเด้งมาขัดจังหวะในการฟัง ผมว่ามันทำให้อรรถรสมในการฟังมันแทบจะหายไปเลย
- รองรับการฟังเพลงแบบปิดจอ : YouTube Music Premium จะทำให้คุณสามารถที่จะฟังเพลงแบบปิดจอ (Background Playback) หรือเปิดเพลงฟัง แล้วเล่นแอพอื่นไปด้วยได้
- รองรับการดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ : คุณสามารถที่จะดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้ทุกเพลงบน YouTube ช่วยให้คุณประหยัดอินเทอร์เน็ต และเปิดเพลงฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา(แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ใช้ฟีเจอร์นี้สักเท่าไหร่)
- High-Quality Audio : ช่วยให้คุณฟังเพลงที่มีคุณภาพสูงกว่าปกติ หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในเสียงดนตรี การได้ฟังเพลงแบบ High-Quality จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการฟังเพลงของคุณให้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่า
- มีคอนเทนต์ให้เสพมากกว่า : คุณสามารถที่จะเข้าถึงคอนเทนต์แบบ Exclusive บางอย่างที่ YouTube Music ฟรี ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้
ถึงแม้ว่า YouTube Music แบบฟรี จะช่วยให้คุณสามารถที่จะเข้าถึงเพลงทุกเพลงบน YouTube ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบ และหลงไหลในการฟังเพลง ทีมงานขอแนะนำว่า YouTube Music Premium จะช่วยเติมเต็มอรรถรส และเพิ่มประสบการณ์ในการฟังเพลงของคุณให้ดียิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงโดยไม่มีโฆษณาคั่น การฟังเพลงแบบปิดจอ ดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ และที่สำคัญคุณภาพของไฟล์เพลงที่ดีกว่า ทั้งหมดนี้คือจุดแตกต่างหลักๆ ของ YouTube Music แบบฟรี และ Premium ครับ
ดูข้อมูล ราคา YouTube Music Premium
วิธีดาวน์โหลด YouTube Music และราคา
สอนวิธีดาวน์โหลด และติดตั้ง YouTube Music อย่างละเอียด แบบจับมือทำทีละขั้นตอน พร้อมทั้งชี้ช่องทางในการสมัคร YouTube Music Premium ในราคาสุดคุ้ม เพียงเดือนละ 59 บาท คุณอ่านไม่ผิดครับ 59 บาทจริงๆ แถมยัง Premium แบบแพ็คคู่ทั้ง YouTube และ YouTube Music ซึ่งโดยส่วนตัวทีมงานเองก็เลือกใช้ YouTube Premium ในราคาต่อเดือน 59 บาทเช่นกัน จะมีวิธีสมัครอย่างไร ทำไมถึงราคาถูกขนาดนี้ ไปต่อกันเลยครับ ~
![วิธีดาวน์โหลด YOUTUBE MUSIC และราคา](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234911/YouTube-Music-Install-Download.webp)
วิธีดาวน์โหลด YouTube Music
สอนวิธีดาวน์โหลด และติดตั้งอย่างละเอียดพร้อมภาพประกอบ โดยสามารถดูวิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง YouTube Music ได้จาก แท็บด้านล่างได้เลยครับ
วิธีดาวน์โหลด YouTube Music PC
สำหรับ YouTube Music บน PC (คอมพิวเตอร์) คุณสามารถที่จะเลือกใช้งานได้ 2 ทางเลือก คือ
- ใช้งาน YouTube Music ผ่าน PC ด้วยเว็บเบราเซอร์ คลิกที่นี่
- ใช้งาน YouTube Music ผ่าน Desktop App ด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ
- เปิด https://music.youtube.com ด้วย Google Chrome
- คลิก สัญลักษณ์ จุด 3 ด้านบนขวา ตามภาพ
- คลิกเลือกติดตั้ง YouTube Music
- จากนั้นจะมีหน้าต่างถามซ้ำว่า ติดตั้งแอปไหม? ให้เลือกที่ติดตั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
Youtube music ราคา
YouTube Music เป็นแอพฟังเพลงฟรี ที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกฟังเพลงจากทั่วโลกได้ฟรี ถูกลิขสิทธิ์ และที่สำคัญ ไม่เสียค่าบริการแม้แต่บาทเดียว แต่อย่างที่เราทุกคนต่างรู้กันว่า “ของฟรีไม่มีในโลก” มีเงื่อนไขในการใช้งานเล็กน้อย คือในช่วงที่เพลงเล่นจบจะมีโฆษณาคอยขึ้นมากวนใจคุณอยู่ตลอดการฟัง หากอยากฟังเพลงโดยที่ไม่มีโฆษณาคั่น จำเป็นต้องสมัคร YouTube Music Premium
โดยที่เพื่อนๆ สามารถเลือกที่จะสมัครเฉพาะ YouTube Music Premium เพียงอย่างเดียว (ราคาถูกกว่า) หรือจะสมัครแบบแพ็คคู่ทั้ง YouTube Premium และ YouTube Music (คุ้มค่ากว่า) ผมได้รวบรวมวิธีการที่จะช่วยให้คุณ ฟังเพลงโดยไม่มีโฆษณา คั่น ตามนี้ครับ
อ่านเพิ่มเติม วิธีสมัคร YouTube Premium ราคาถูกๆ 2023
ราคาเฉพาะ YouTube Music Premium อย่างเดียว
ราคาค่าบริการในการสมัคร YouTube Music Premium เพื่อใช้งานสำหรับฟังเพลงโดยเฉพาะ จะมีอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าแบบแพ็คคู่ (YouTube Premium + YouTube Music)
![ราคา YouTube Music Premium](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234909/YouTube-Music-Premium-Price-7.webp)
เหมาะสำหรับใคร?
ผู้ที่ไม่ได้รับชมวิดีโอบนยูทูปเป็นประจำ และต้องการที่จะฟังเพลงเพียงอย่างเดียว ช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าบริการแพงเกินกว่าที่คุณต้องการจะใช้
YouTube Music Premium ราคา
- บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 129 บาทต่อเดือน
- บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายปีอยู่ที่ 1290 บาทต่อปี
- บัญชีแบบครอบครัว : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 199 บาทต่อเดือน (สูงสุด 5 บัญชี เฉลี่ย ราคาเพียงบัญชีละ 39.8 บาท)
- บัญชีนักเรียน/นักศึกษา : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 65 บาทต่อเดือน
คำแนะนำในการสมัคร
ทีมงานแนะนำให้เพื่อนๆ หากลุ่ม YouTube Music Premium ที่เขาแชร์การใช้งานกันแบบ บัญชีครอบครัว จะช่วยให้ราคาค่าบริการรายเดือนนั้นถูกมากๆ จากที่บัญชีแบบครอบครัวราคา 199 บาท สมัครได้สูงสุด 5 บัญชี = 199/5 จะเหลือราคาค่าบริการ เพียง 39.8 บาท
สมัคร YouTube Music Premium คลิกที่นี่
ราคาแบบแพ็คคู่ YouTube Premium และ YouTube Music
จะมีราคาค่าบริการที่แพงกว่า YouTube Music อย่างเดียวเล็กน้อย สิ่งที่คุณจะได้ คือ YouTube Premium และ YouTube Music Premium ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถรับชมวิดีโอในยูทูปได้โดยไม่มีโฆษณามาขัดจังหวะ และฟังเพลงบนยูทูปมิวสิค ได้โดยไม่มีโฆษณามาคัดจังหวะเช่นกัน
![ราคา YouTube Premium](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234913/YouTube-And-Music-Premium-Price.webp)
เหมาะสำหรับใคร?
ผู้ที่รับชมวิดีโอบน YouTube อยู่เป็นประจำ คุณจะเหมือนได้ YouTube Music Premium ไว้สำหรับฟังเพลงเป็นของแถม เรียกว่าจ่ายค่าบริการทีเดียว แต่ได้ 2 ต่อ ทั้งรับชมวิดีโอ และฟังเพลง (ส่วนตัวทีมงานเลือกใช้แบบนี้ เนื่องจากผมรับชมวิดีโอบนยูทูปเป็นประจำ จึงเลือกสมัครแบบแพ็คคู่ แล้วเปลี่ยนแอพฟังเพลงจาก Spotify มาเป็น YouTube Music แทนครับ)
YouTube Music Premium ราคา
- บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 159 บาทต่อเดือน
- บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายปีอยู่ที่ 1590 บาทต่อปี
- บัญชีแบบครอบครัว : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 299 บาทต่อเดือน (สูงสุด 5 บัญชี เฉลี่ย ราคาเพียงบัญชีละ 59.8 บาท)
- บัญชีนักเรียน/นักศึกษา : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 95 บาทต่อเดือน
คำแนะนำในการสมัคร
ทีมงานแนะนำให้เพื่อนๆ หากลุ่ม YouTube Premium ที่เขาแชร์การใช้งานกันแบบ บัญชีครอบครัว จะช่วยให้ราคาค่าบริการรายเดือนนั้นถูกมากๆ บัญชีแบบครอบครัวราคา 299 บาท สมัครได้สูงสุด 5 บัญชี = 299/5 จะเหลือราคาค่าบริการ เพียง 59.8 บาท
สมัคร YouTube Premium คลิกที่นี่
YouTube Music vs Spotify แอพฟังเพลงไหนดีกว่า?
YouTube Music และ Spotify คือ 2 ยักษ์ใหญ่ของวงการ แอพฟังเพลง ในบ้านเรา ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด ด้วยคลังเพลงขนาดใหญ่ และฟีเจอร์ในการใช้งานหลายๆ อย่างที่ตอบโจทย์การใช้งานของคอเพลงชาวไทยได้อย่างลงตัว ในหัวข้อนี้จะเป็นการวิเคราะห์ เปรียบเทียบจุดดี และข้อจำกัดในการใช้งานของทั้ง 2 แอพอย่างละเอียด เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่า “แอพฟังเพลงไหนที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีกว่ากัน?” ถ้าพร้อมแล้ว ไปต่อกันเลยครับ ~
![คลังเพลง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234907/YouTube-Music-Vs-Spotify-Music-Library.webp)
คลังเพลง | Music Library
YouTube Music
เป็นคลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด พร้อมทั้ง MV มิวสิควิดีโอ บันทึกการแสดงสด และเพลง Cover มากมาย จาก YouTube ส่งผลให้ในด้านของคลังเพลง YouTube Music จะดูโดดเด่นกว่า Spotify อยู่พอสมควร หากคุณชื่อนชอบในการฟังเพลงไทย เพลง Cover หรือชอบรับชมมิวสิควิดีโอ YouTube Music จะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ดีกว่า
Spotify
มีคลังเพลงขนาดใหญ่ นับล้านจากศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก โดยที่จะเน้นไปที่เพลงที่เป็นเวอร์ชั่นต้นฉบับจากศิลปิน และมี มิวสิควิดีโอแบบสั้นให้รับชม แต่ก็ยังสู้ YouTube Music ในด้านนี้ไม่ได้อยู่ดี
![ระบบแนะนำเพลง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234905/YouTube-Music-Vs-Spotify-Music-Recommendation.webp)
ระบบแนะนำเพลงสำหรับคุณโดยเฉพาะ | Personalized Recommendations
YouTube Music
ระบบแนะนำเพลงของ YouTube Music ใช้อัลกอริทึ่มที่ประมวลผลจากการค้นหา หรือข้อมูลต่างๆ บน Google นำมาบวกกับประวัติ และพฤติกรรมในการฟังเพลงของคุณ เพื่อแนะนำเพลงที่คุณอาจจะชอบ โดยการจัดเตรียมเพลย์ลิสต์ มิกซ์ และเพลงที่มีแนวดนตรีคล้ายๆ กับเพลงที่คุณชอบฟัง
Spotify
ระบบแนะนำเพลงของ Spotify เป็น ระบบแนะนำเพลงที่ต้องเรียกว่า “ชาญฉลาด และทรงประสิทธิภาพมาก” เป็นอัลกอริทึ่มขั้นสูง ที่วิเคราะห์ข้อมูลประวัติการฟัง เพลย์ลิสต์ และเพลงที่คุณกดถูกใจ แล้วนำมาสร้างเป็น
เพลย์ลิสต์สำหรับคุณโดยเฉพาะ เช่น Discover Weekly และ Release Radar
การออกแบบ User Interface (UI)
YouTube Music
ออกแบบ UI มาเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานตามหลัก User-Friendly ไม่ว่าใคร อายุเท่าไหร่ ก็สามารถที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแท็บสำหรับใช้งานเพียง 3 แท็บ หน้าแรก, สำรวจ และคลังเพลง คุณสามารถที่จะเข้าถึงการใช้งานแทบทุกอย่าง ได้จากแท็บเพียง 3 แท็บนี้
Spotify
UI ของ Spotify นั้นออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานตามหลัก User-Friendly เช่นกัน ดูสบายตา สวยงาม แต่เรียบง่าย ซึ่งจะมีการใช้งานต่างๆ ที่แทบจะเหมือน YouTube Music เลย ไม่รู้ใครลอกใคร แต่ถ้าให้ผมเดาผมว่า YouTube Music ลอก Spotify (ฮ่าๆ) นอกจากนี้ Spotify ยังมีฟีเจอร์ และลูกเล่นที่ช่วยให้การฟังเพลงมีความเป็นคอมมิวนิตี้ เช่น การแชร์เพลงไปยังสตอรี่, การฟังเพลงร่วมกันกับผู้อื่น เป็นต้น
![คุณภาพเสียง](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234908/YouTube-Music-Vs-Spotify-Music-Audio-Quality.webp)
คุณภาพเสียง | Audio Quality
YouTube Music
ด้านคุณภาพเสียง หรือ Audio Quality จะเป็นด้านที่ YouTube Music ทำได้ ด้อยกว่า Spotify อย่างชัดเจน โดยที่จะมีคุณภาพไฟล์เสียง ให้คุณได้เลือกฟังทั้งหมด 3 ระดับ คือ
- คุณภาพต่ำ(Low Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 48 kbps
- คุณภาพปกติ(Normal Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 128 kbps
- คุณภาพสูง(High Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 256 kbps
Spotify
ด้านคุณภาพเสียง หรือ Audio Quality นั้น จะเป็นด้านที่แอพฟังเพลงอย่าง Spotify นั้นทำได้ ดีกว่า YouTube Music อย่างเห็นได้ชัด ด้วยคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า และทางเลือกในการฟังที่มีให้เลือกมากกว่า โดยที่จะมีคุณภาพไฟล์เสียง ให้คุณเลือกฟังทั้งหมด 4 ระดับ คือ
- คุณภาพต่ำ(Low Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 24 kbps
- คุณภาพปกติ(Normal Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 96 kbps
- คุณภาพสูง(High Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 160 kbps
- คุณภาพสูงมาก(Very High Quality Audio) : ไฟล์เสียงที่เล่นจะมีความละเอียด 320 kbps
![ราคา Premium](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234906/YouTube-Music-Vs-Spotify-Music-Premium-Price.webp)
ราคา และค่าบริการในการสมัครสมาชิก
ทั้ง 2 แอพเป็นแอพฟังเพลง ที่มีรูปแบบการให้บริการเหมือนกัน คือเป็นแอพฟังเพลงที่แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 แบบ แบบฟังฟรี แต่มีโฆษณาคั้น และแบบพรีเมี่ยม ไม่มีโฆษณาคั้นแต่เสียค่าบริการ แต่ก็จะมีจุดต่างกันในรายละเอียดตามนี้ครับ
YouTube Music Premium
- ฟังเพลงได้แบบไม่มีโฆษณาคั้น
- รองรับการฟังเพลงแบบปิดหน้าจอ (Spotify สามารถฟังแบบปิดหน้าจอได้ด้วยแบบฟรี)
- สามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์
- ราคาสำหรับสมัครสมาชิกรายเดือนจะอยู่ที่ 129 บาทต่อเดือน
Spotify
- ฟังเพลงได้แบบไม่มีโฆษณาคั้น
- ฟังเพลงได้ทุกเพลงตามต้องการ (YouTube Music สามารถฟังได้ทุกเพลงด้วยแบบฟรี)
- กดข้ามเพลงได้ไม่จำกัด (YouTube Music สามารถข้ามได้ไม่จำกัดด้วยแบบฟรี)
- สามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์
- ราคาสำหรับสมัครสมาชิกรายเดือนจะอยู่ที่ 129 บาทต่อเดือน
![YouTube Music และ Spotify](https://sounddd.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/wp-content/uploads/2023/06/18234851/YouTube-Music-Vs-Spotify.webp)
YouTube Music กับ Spotify แอพไหนดีกว่ากัน?
ทั้ง YouTube Music และ Spotify ต่างก็เป็นแอพฟังเพลงที่ดีทั้งคู่ มีจุดเด่น และข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกัน การจะตอบคำถามว่า แอพไหนดีกว่ากัน? นั่นขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก โดยผมจะแนะนำอย่างนี้ครับ
YouTube Music และ Spotify เหมาะกับใคร
- หากคุณเป็นผู้ที่รับชมวิดีโอบน YouTube บ่อยๆ ชื่นชอบในการรับชม MV มิวสิควิดีโอ บันทึกการแสดงสด และฟังเพลง Cover YouTube Music ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- หากคุณเป็นผู้ที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพในการฟังเพลงมากๆ Spotify ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยคุณภาพของเพลงที่ทำได้ดีกว่านั่นเองครับ
สรุป
YouTube Music เป็นแอพฟังเพลงที่จะมอบประสบการณ์ในการฟังเพลงที่แตกต่างไม่เหมือนใคร โดดเด่นด้วยคลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด, มิวสิควิดีโอ, UI ที่ใช้งานง่าย, รองรับการใช้งานทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น PC หรือสมาร์ทโฟน iOS และ Android, สามารถดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ฟรี หรือจะสมัคร Premium ราคาก็ถูก และคุ้มค่ามากๆ เพราะได้ทั้ง YouTube Premium และ YouTube Music ด้วยราคาเพียงเดือนละแค่ประมาณ 59 บาท ให้คุณท่องไปในโลกของเสียงดนตรีโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ สู่โลกของเสียงเพลงที่เหนือกว่า ด้วย “YouTube Music”
ขอบคุณข้อมูลจาก YouTube, Spotify
ตอบ : แอพพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง ที่แยกออกมาจาก YouTube เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการ “ฟังเพลงโดยเฉพาะ” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การฟังเพลงของคุณ สะดวก มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การฟังเพลงของผู้คนในยุคปัจจุบันมากที่สุด อ่านเพิ่มเติม
ตอบ : YouTube Music เป็นแอพที่จะช่วยให้การฟังเพลงของคุณเรียบง่าย, สนุก, สะดวก, และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ด้วย 8 เหตุผล ดังนี้
1. คลังเพลงไทยที่ใหญ่ที่สุด
2. ระบบแนะนำเพลงสุดอัจฉริยะ
3. มีเพลงให้ฟัง มีมิวสิควิดีโอให้ดู
4. การออกแบบ UI ที่ใช้งานง่าย
5. ส่งตรงเพลย์ลิสต์และมิกซ์ที่มีสไตล์การฟังตรงกับคุณ
6. โหลดเพลงไว้ฟังแบบออฟไลน์ และฟังแบบปิดจอ
7. รองรับการใช้งานบนทุกแพลตฟอร์ม PC, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
8. ซื้อ YouTube Premium ได้ YouTube Music Premium เป็นของแถม
ตอบ : YouTube Music Premium จะมีทางเลือกในการสมัคร Premiumให้คุณเลือก 4 แบบ ดังนี้
– บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 129 บาทต่อเดือน
– บัญชีส่วนบุคคุล : จะมีค่าบริการรายปีอยู่ที่ 1290 บาทต่อปี
– บัญชีแบบครอบครัว : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 199 บาทต่อเดือน (สูงสุด 5 บัญชี เฉลี่ย ราคาเพียงบัญชีละ – 39.8 บาท)
– บัญชีนักเรียน/นักศึกษา : จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 65 บาทต่อเดือน
อ่านเพิ่มเติม
ตอบ : ทั้ง YouTube Music และ Spotify ต่างก็เป็นแอพฟังเพลงที่ดีทั้งคู่ มีจุดเด่น และข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกัน
– หากคุณเป็นผู้ที่รับชมวิดีโอบน YouTube บ่อยๆ ชื่นชอบในการรับชม MV มิวสิควิดีโอ บันทึกการแสดงสด และฟังเพลง Cover YouTube Music ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
– หากคุณเป็นผู้ที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพในการฟังเพลงมากๆ Spotify ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยคุณภาพของเพลงที่ทำได้ดีกว่านั่นเองครับ
อ่านเพิ่มเติม
บทความ สาระความรู้
รีวิว Soundvision ESiGO 8 PRO ลำโพงพกพา ตัวจบทุกงาน!
ลำโพงบลูทูธ ไซซ์เล็กพกพาสะดวก เสียงดีเกินตัว มาพร้อมมิกเซอร์ Built-In มาให้ 3 ชาแนล จะน่าสนใจแค่ไหน!? อยากรู้ คลิกเลย!
พรีวิว SONOS MOVE 2 ลำโพงบลูทูธอัจฉริยะ ยกระดับความสามารถในทุกมิติ
อัปเกรด และยกระดับความสามารถจากรุ่นก่อนในทุกมิติ โดดเด่นด้วยดีไซน์ และคุณภาพเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ SONOS อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย!
Emulators ที่ดีที่สุดจาก App Store ของ Apple
สวัสดีคอเกมทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคอเกมกัน นั่นก็คือ Game Emulators ครับ มาดูไปพร้อมๆ กันเลย
SONY ULT POWER SOUND ลำโพงและหูฟังรุ่นใหม่ ให้เสียงเบสที่หนักแน่น
รู้สึกเหมือนได้ดำดิ่งสู่แถวหน้าของคอนเสิร์ต ไปซีรีส์ ULT POWER SOUND ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ใจคุณสั่น ด้วยเสียงเบสที่ทรงพลัง
โปรโมชั่น
Pioneer DJ MID YEAR SALE เครื่องเล่นดีเจ ลำโพง หูฟัง ราคาสุดพิเศษ
15 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2567 เท่านั้น!
Mid Year Sales หูฟัง ลำโพง จาก JBL & Harman Kardon ลดสูงสุดถึง 45%
15 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2567 เท่านั้น!
Mid Year Sales สินค้า Home Audio จาก JBL & DENON ลดสูงสุดถึง 20%
15 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2567 เท่านั้น!
Mid Year Sales ไมโครโฟน ลำโพง ชุดคาราโอเกะ จาก SHURE & JBL ลดสูงสุดถึง 20%
15 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2567 เท่านั้น!
ผลงานการติดตั้ง
ผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงห้องประชุม สถาบันพัฒนามันสำปะหลัง (ห้วยบง)
ระบบไมค์ประชุมดิจิตอลแบบไร้สาย ที่มีข้อดีหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งที่ง่าย, การเคลื่อนย้ายสะดวก และการจัดการง่าย บทความนี้เป็นผลงานติดตั้งจาก สถาบันพัฒนามันสำปะหลัง (ห้อยบง)
ผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงปฎิบัติธรรม ลีลาสถาพรกูรธรรมสถาน
SoundDD.Shop พาชมระบบเสียงปฎิบัติธรรม ที่ได้เลือกติดตั้งลำโพงเครื่องเสียงจากแบรนด์ BOSE และ ALLEN&HEATH จะเป็นอย่างไรไปชมกัน
ผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงเวที บริษัท ยู แฮส จำกัด (สำนักงานใหญ่)
ผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงเวที บริษัท ยู แฮส จำกัด (สำนักงานใหญ่) ด้วยสินค้าจากแบรนด์ Electro-Voice และ SOUNDVISION ไปรับชมกันเลยครับ
ผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงห้องประชุมบริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด
วันนี้เราก็มีผลงานติดตั้งมาให้ชมกันอีกเช่นเคยครับ โดยผลงานในครั้งนี้เป็นระบบเสียงห้องประชุม บริษัท บางกอกแล็ป แอน คอสเมติค จำกัดมหาชน (BLC)